ดีครับดอทคอม

ดีครับดอทคอม

Python ตอนที่ 116 รวมข้อมูลจากหลายเซ็ทด้วยเมธอด union()

รวมข้อมูลจากหลายเซ็ทด้วยเมธอด union()

เมธอด union() ใช้สำหรับรวมสมาชิกจากเซ็ทหลาย ๆ เซ็ทเข้าด้วยกัน (ข้อมูลที่ซ้ำกันจะเหลือไว้เพียงชุดเดียว) มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ จะได้เซ็ทใหม่ที่มีสมาชิกจากเซ็ท a และเซ็ท b รวมกัน {‘Asus’, ‘MSI’, ‘Lenovo’, ‘Microsoft’, ‘Dell’, ‘Acer’, ‘HP’} ข้อมูลที่นำมาทำ Union ไม่จำเป็นต้องเป็น Set เสมอไป แต่จะเป็นข้อมูลแบบ Iterable ชนิดใดก็ได้ เช่น List, Tuple, etc. ตัวอย่างการนำข้อมูลแบบ Set มาทำ Union กับข้อมูลแบบ List ผลลัพธ์…

Python ตอนที่ 115 รวมข้อมูลที่ต่างกันจาก 2 เซ็ทเข้าด้วยกัน ด้วยเมธอด symmetric_difference_update()

รวมข้อมูลที่ต่างกันจาก 2 เซ็ทเข้าด้วยกัน ด้วยเมธอด symmetric_difference_update()

เมธอด symmetric_difference_update() ใช้สำหรับรวมสมาชิกที่ต่างกันจากเซ็ท 2 เข้าด้วยกัน โดยจะลบสมาชิกที่มีอยู่ในเซ็ททั้ง 2 แล้วเพิ่มสมาชิกที่ต่างกันจากเซ็ทปลายทางเข้ามาในเซ็ทต้นทาง มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ ข้อมูลที่เหมือนกันจะถูกลบออกจากเซ็ท a และข้อมูลที่ต่างกันในเซ็ท b จะถูกนำมารวมไว้ในเซ็ท a {‘Dell’, ‘Lenovo’, ‘HP’, ‘Acer’, ‘MSI’}

Python ตอนที่ 114 รวมข้อมูลที่ต่างกันจาก 2 เซ็ทเข้าด้วยกัน ด้วยเมธอด symmetric_defference()

รวมข้อมูลที่ต่างกันจาก 2 เซ็ทเข้าด้วยกัน ด้วยเมธอด symmetric_defference()

เมธอด symmetric_difference() ใช้สำหรับรวมข้อมูลจากเซ็ท 2 เซ็ทเข้าด้วยกัน (เฉพาะข้อมูลที่แตกต่างกัน) ข้อมูลที่มีอยู่ในทั้งสองเซ็ทจะถูกละเว้น มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ จะได้เซ็ทใหม่ที่มีข้อมูลจากเซ็ท a และเซ็ท b (เฉพาะข้อมูลที่ต่างกัน) {‘MSI’, ‘Dell’, ‘HP’, ‘Acer’, ‘Lenovo’}

Python ตอนที่ 113 ลบข้อมูลออกจาก Set ด้วยเมธอด remove()

ลบข้อมูลออกจาก Set ด้วยเมธอด remove()

ถ้าต้องการลบข้อมูลออกจาก Set โดยสามารถระบุได้ว่าจะลบข้อมูลตัวไหน สามารถทำได้โดยใช้เมธอด remove() ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ ข้อมูลคำว่า “Dell” จะหายไปจากเซ็ท a {‘Lenovo’, ‘MSI’, ‘Microsoft’, ‘Asus’} ข้อแตกต่างระหว่างเมธอด remove() กับเมธอด discard() คือ

Python ตอนที่ 112 ลบข้อมูลออกจาก Set แบบสุ่มด้วยเมธอด pop()

ลบข้อมูลออกจาก Set แบบสุ่มด้วยเมธอด pop()

เมธอด pop() ใช้สำหรับลบข้อมูลออกจากเซ็ททีละ 1 ค่า มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ การลบข้อมูลด้วยเมธอด pop() จะเป็นการลบแบบสุ่ม คือเราระบุไม่ได้ว่าจะให้ลบข้อมูลตัวใดในเซ็ท และจะคืนค่ากลับออกมาเป็นข้อมูลที่ถูกลบ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ สมาชิกในเซ็ท a จะหายไป 1 ค่า (แบบสุ่ม) {‘Asus’, ‘Microsoft’, ‘Lenovo’, ‘MSI’} เมธอด pop() จะคืนค่ากลับมาเป็นข้อมูลที่ถูกลบ ดังนั้น ถ้าอยากรู้ว่าข้อมูลตัวไหนถูกลบ ให้สร้างตัวแปรขึ้นมารับค่าจากเมธอด pop() แล้วนำตัวแปรนั้นมาแสดงผล ดังตัวอย่าง ผลลัพธ์ จะสามารถรู้ได้ว่าข้อมูลตัวไหนถูกลบออกจากเซ็ท a Microsoft

Python ตอนที่ 111 ตรวจสอบว่าเซ็ทปัจจุบันเป็น Superset ของเซ็ทอื่นหรือไม่ ด้วยเมธอด issuperset()

ตรวจสอบว่าเซ็ทปัจจุบันเป็น Superset ของเซ็ทอื่นหรือไม่ ด้วยเมธอด issuperset()

เมธอด issuperset() ใช้สำหรับตรวจสอบว่าเซ็ทปัจจุบันเป็น Superset ของอีกเซ็ทหนึ่งหรือไม่ เช่น ถ้าสมาชิกทั้งหมดในเซ็ท b มีอยู่ในเซ็ท a นั่นแสดงว่าเซ็ท a เป็น Superset ของเซ็ท b จะคืนค่าเป็น True ถ้าไม่เช่นนั้นจะคืนค่าเป็น False มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์จะเป็น True เพราะสมาชิกทั้งหมดในเซ็ท b มีอยู่ในเซ็ท a นั่นหมายความว่า เซ็ท a เป็น Superset ของเซ็ท b True ผลลัพธ์จะเป็น False เพราะสมาชิกทั้งหมดในเซ็ท b…

Python ตอนที่ 110 ตรวจสอบว่าเซ็ทปัจจุบันเป็น Subset ของอีกเซ็ทหนึ่งหรือไม่ ด้วยเมธอด issubset()

ตรวจสอบว่าเซ็ทปัจจุบันเป็น Subset ของอีกเซ็ทหนึ่งหรือไม่ ด้วยเมธอด issubset()

เมธอด issubset() ใช้สำหรับตรวจสอบว่า Set หนึ่งเป็น Subset ของอีก Set หนึ่งหรือไม่ เช่น ถ้าสมาชิกทั้งหมดในเซ็ท a มีอยู่ในเซ็ท b ด้วย แสดงว่าเซ็ท a เป็น Subset ของเซ็ท b จะคืนค่าเป็น True ถ้าไม่เช่นนั้นจะคืนค่าเป็น False มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์จะเป็น True เพราะสมาชิกทุกตัวในเซ็ท a มีอยู่ในเซ็ท b ด้วย True จะได้ผลลัพธ์เป็น False เพราะสมาชิกทุกตัวในเซ็ท a ไม่ได้มีในเซ็ท…

Python ตอนที่ 109 ตรวจสอบว่าไม่มีข้อมูลที่ซ้ำกันในเซ็ท 2 ชุด ด้วยเมธอด isdisjoint()

ตรวจสอบว่าไม่มีข้อมูลที่ซ้ำกันในเซ็ท 2 ชุด ด้วยเมธอด isdisjoint()

เมธอด isdisjoint() ใช้สำหรับตรวจสอบว่าข้อมูลในเซ็ทจำนวน 2 ชุดไม่มีข้อมูลซ้ำกันหรือไม่ ถ้าไม่มีข้อมูลซ้ำกันจะคืนค่าเป็น True แต่ถ้ามีข้อมูลซ้ำกันจะคืนค่าเป็น False มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์จะเป็น True เพราะเซ็ท a กับเซ็ท b ไม่มีข้อมูลที่ซ้ำกัน True ผลลัพธ์จะเป็น False เพราะเซ็ท a กับเซ็ท b มีข้อมูลซ้ำกันหนึ่งค่า คือ “Lenovo” False

ตอนที่ 108 ลบข้อมูลที่ไม่เหมือนกันออกจาก Set ด้วยเมธอด intersection_update()

ลบข้อมูลที่ไม่เหมือนกันออกจาก Set ด้วยเมธอด intersection_update()

เมธอด intersection_update() ใช้สำหรับลบข้อมูลใน Set ที่ไม่ปรากฏอยู่ในเซ็ทอื่น มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ เมธอด intersection_update() จะลบข้อมูลจาก Set ต้นทาง ที่ไม่มีใน Set ที่นำมาเปรียบเทียบ ดังตัวอย่าง ผลลัพธ์ ข้อมูลในเซ็บ a จะเหลือเฉพาะข้อมูลที่เหมือนกันกับเซ็ท b {‘Lenovo’} การเปรียบเทียบกับหลายเซ็ท {‘Lenovo’} ข้อแตกต่างระหว่างเมธอด intersection_update() กับเมธอด intersection() คือ

Python ตอนที่ 107 หาค่าที่ซ้ำกันใน 2 เซ็ทขึ้นไป ด้วยเมธอด intersection()

หาค่าที่ซ้ำกันใน 2 เซ็ทขึ้นไป ด้วยเมธอด intersection()

ถ้าต้องการหาค่าที่ซ้ำกันในเซ็ทตั้งแต่ 2 เซ็ทขึ้นไป สามารถทำได้โดยใช้เมธอด intersection() ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานดังนี้ เมธอด intersection() จะให้ผลลัพธ์เป็นข้อมูลแบบ Set ที่ประกอบไปด้วยข้อมูลที่ซ้ำกันใน 2 เซ็ทหรือมากกว่า ตัวอย่าง ผลลัพธ์ ได้เซ็ทใหม่ที่มีข้อมูลที่ซ้ำกันในทั้ง 2 เซ็ท {‘Lenovo’} {‘Lenovo’}

Python ตอนที่ 106 ลบข้อมูลใน Set ด้วยเมธอด discard()

ลบข้อมูลใน Set ด้วยเมธอด discard()

นอกจากเมธอด remove() แล้ว เราสามารถลบข้อมูลใน Set ได้โดยใช้งานเมธอด discard() ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ ข้อมูลที่ระบุจะถูกลบออกไปจาก Set {‘Asus’, ‘Lenovo’} ข้อแตกต่างระหว่างเมธอด remove() กับเมธอด discard() คือ ตัวอย่างการใช้งานเมธอด discard() โดยระบุข้อมูลที่ไม่มีอยู่จริงใน Set ต้นทาง ผลลัพธ์ จะไม่เกิด Error เพียงแต่ไม่มีการลบข้อมูลเท่านั้น เพราะข้อมูลที่ระบุไม่มีอยู่จริง {‘Lenovo’, ‘Asus’, ‘Acer’}

Python ตอนที่ 105 ลบข้อมูลที่ซ้ำกับ Set อื่น ด้วยเมธอด difference_update()

ลบข้อมูลที่ซ้ำกับ Set อื่น ด้วยเมธอด difference_update()

เราสามารถลบข้อมูลใน Set ที่ซ้ำกับข้อมูลในเซ็ทอื่นได้ด้วยเมธอด difference_update() ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานดังนี้ โดยเมธอด difference_update() จะทำการเปรียบเทียบข้อมูลระหว่าง Set ต้นทางกับ Set ที่นำมาเปรียบเทียบ และลบข้อมูลที่ซ้ำกันออกจาก Set ต้นทาง ตัวอย่าง ผลลัพธ์ ข้อมูลใน set1 ที่ซ้ำกับข้อมูลใน set2 จะถูกลบออกไป คงเหลือเฉพาะข้อมูลที่ไม่ซ้ำกัน {‘Asus’, ‘Lenovo’}

Python ตอนที่ 104 หาค่าที่แตกต่างกันระหว่าง 2 เซ็ทขึ้นไป ด้วยเมธอด difference()

หาค่าที่แตกต่างกันระหว่าง 2 เซ็ทขึ้นไป ด้วยเมธอด difference()

ถ้าต้องการหาค่าที่แตกต่างกันระหว่าง Set ตั้งแต่ 2 เซ็ทขึ้นไป สามารถทำได้โดยใช้เมธอด difference() ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานดังนี้ โดยการใช้งานเมธอด difference() จะได้ข้อมูลเป็น Set ใหม่ ที่มีข้อมูลที่แตกต่างกันระหว่างเซ็ทต้ทางกับเซ็ทที่นำมาเปรียบเทียบ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ จะได้เซ็ทใหม่ที่มีข้อมูลที่แตกต่างกันระหว่าง set1 กับ set2 {‘Lenovo’, ‘Asus’} เปรียบเทียบมากกว่า 2 เซ็ท ถ้าต้องการเปรียบเทียบมากกว่า 2 เซ็ทก็สามารถทำได้โดยระบุเซ็ทสำหรับเปรียบเทียบเข้าไปมากกว่า 2 เซ็ท แต่ต้องคั่นแต่ละเซ็ทด้วยเครื่องหมายคอมม่า , ผลลัพธ์ จะได้เซ็ทใหม่ที่มีข้อมูลใน set1 แต่ไม่มีใน set2 และ set3 {‘Lenovo’,…

Python ตอนที่ 103 คัดลอกข้อมูลใน Set ด้วยเมธอด copy()

คัดลอกข้อมูลใน Set ด้วยเมธอด copy()

เราสามารถคัดลอก Set ได้โดยการใช้งานเมธอด copy() ซึ่งมีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ ได้เซ็ทใหม่ที่มีข้อมูลเหมือนกันกันเซ็ทต้นทางทุกประการ {‘Lenovo’, ‘Acer’, ‘Asus’}

Python ตอนที่ 102 ลบข้อมูลทั้งหมดใน Set ด้วยเมธอด clear()

ลบข้อมูลทั้งหมดใน Set ด้วยเมธอด clear()

ถ้าต้องการลบข้อมูลทั้งหมดใน Set สามารถทำได้โดยใช้เมธอด clear() โดยมีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ จะเหลือเพียงเซ็ทว่างเท่านั้น set()

Python ตอนที่ 101 เพิ่มข้อมูลใน Set ด้วยเมธอด add()

เพิ่มข้อมูลใน Set ด้วยเมธอด add()

เราสามารถเพิ่มข้อมูลใหม่เข้าไปในข้อมูลแบบ Set ได้โดยการใช้งานเมธอด add() ซึ่งเมธอดนี้จะเพิ่มข้อมูลใหม่เข้าไปใน Set แต่ถ้าข้อมูลที่เพิ่มเข้าไปใหม่มีค่าซ้ำกันกับข้อมูลเดิมที่มีอยู่ใน Set แล้ว ข้อมูลใหม่จะไม่ถูกเพิ่ม รูปแบบการใช้งานเมธอด add() มีดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ {‘Lenovo’, ‘Apple’, ‘Acer’, ‘Asus’} ถ้าข้อมูลที่เพิ่มใหม่ซ้ำกันกับข้อมูลที่มีอยู่เดิมใน Set ข้อมูลใหม่จะไม่ถูกเพิ่มเข้าไป ผลลัพธ์ ข้อมูลที่เพิ่มใหม่ซ้ำกันกับข้อมูลที่มีอยู่เดิมใน Set จึงไม่มีการเพิ่มข้อมูลใด ๆ {‘Lenovo’, ‘Acer’, ‘Asus’}

Python ตอนที่ 92 การรวม Tuple เข้าด้วยกัน

การรวม Tuple เข้าด้วยกัน

เราสามารถรวม Tuple หลาย ๆ อันเข้าด้วยกันโดยใช้ตัวดำเนินการ + ผลลัพธ์ จะได้ Tuple ใหม่ที่มีข้อมูลจาก tuple1 และ tuple2 รวมกัน (‘Asus’, ‘Lenovo’, ‘Acer’, ‘Dell’, ‘Intel’, ‘Microsoft’) การคูณ Tuple นอกจากการนำ Tuple มารวมกันด้วยโอเปอเรเตอร์ + แล้ว เรายังสามารถคูณค่าใน Tuple ได้ด้วย โดยใช้โอเปอเรเตอร์ * ผลลัพธ์ จะได้ Tuple ใหม่ ที่มีค่าข้อมูลซ้ำตามจำนวนตัวเลขที่นำมาคูณ (‘Asus’, ‘Lenovo’, ‘Acer’,…

Python ตอนที่ 91 เข้าถึงข้อมูลใน Tuple ด้วยลูป

เข้าถึงข้อมูลใน Tuple ด้วยลูป

เราสามารถเข้าถึงข้อมูลใน Tuple ทีละลำดับจนครบทุกค่าด้วยลูป for ผลลัพธ์ AsusLenovoAcerDellIntelMicrosoft เราสามารถวนลูปเพื่อเข้าถึงข้อมูลใน Tuple โดยการระบุค่า Index ก็ได้เช่นกัน โดยใช้ฟังก์ชัน range() และ len() เข้ามาช่วยด้วย ดังตัวอย่าง ผลลัพธ์ AsusLenovoAcerDellIntelMicrosoft เข้าถึงข้อมูลใน Tuple ด้วยลูป while นอกจากลูป for แล้ว เรายังสามารถใช้ลูป while เพื่อเข้าถึงข้อมูลใน Tuple ได้ด้วย โดยใช้ฟังก์ชัน len() หาความยาวของ Tuple แล้ววนลูปเข้าไปยังค่าใน Tuple ทีละตัวด้วยการระบุ Index เริ่มจากอินเด็กซ์…

Python ตอนที่ 90 การแยกข้อมูลใน Tuple

การแยกข้อมูลใน Tuple

ในขณะที่เราสร้างตัวแปรประเภท Tuple ขึ้นมาและกำหนดข้อมูลให้กับตัวแปรดังกล่าว เรียก Packing เหมือนแพ็กสินค้ายังไงยังงั้น แต่ในกรณีของ Tuple เป็นการแพ็กข้อมูล จากโค้ดด้านบนนั้นเป็นการประกาศตัวแปรข้อมูลแบบ Tuple พร้อมทั้งกำหนดข้อมูลให้มัน นี่แหละที่เรียกว่า Packing a tuple ใน Python เราสามารถแยกข้อมูลแต่ละตัวออกมาเก็บลงในตัวแปรได้ วิธีนี้เรียกว่า “unpacking” ดังตัวอย่าง ผลลัพธ์ ตัวแปรแต่ละตัวจะมีค่าเท่ากับค่าใน Tuple เรียงตามลำดับ AsusLenovoAcer จำนวนของตัวแปรต้องเท่ากันกับจำนวนของค่าใน Tuple ถ้าจำนวนของตัวแปรน้อยกว่าค่าใน Tuple ต้องกำหนดเครื่องหมาย * ไว้หน้าตัวแปรตัวสุดท้ายเพื่อรวมค่าที่เหลือทั้งหมดใน Tuple เป็นข้อมูลแบบ List ดังตัวอย่าง ผลลัพธ์ ค่าใน…

Python ตอนที่ 89 การแก้ไขข้อมูลใน Tuple

การแก้ไขข้อมูลใน Tuple

Tuple เป็นชนิดข้อมูลที่ไม่สามารถแก้ไขได้ คือเมื่อสร้างข้อมูลประเภท Tuple ขึ้นมาแล้ว เราจะเพิ่ม ลบ หรือแก้ไขข้อมูลใน Tuple นั้นโดยตรงไม่ได้ แต่ก็ไม่ต้องกังวล เมื่อทำโดยตรงไม่ได้ เราก็ทำอ้อม ๆ เอา โดยการแปลง Tuple ให้กลายเป็น List หลังจากนั้นจะแก้ไขข้อมูล ลบ หรือเพิ่ม ก็ทำได้ตามปรารถนา เสร็จแล้วก็แปลง List นั้นให้เป็น Tuple แค่นี้ก็เรียบร้อย ดังตัวอย่าง ผลลัพธ์ จะได้ Tuple ที่มีการเปลี่ยนแปลงค่าเรียบร้อยแล้ว (ซึ่งไม่ได้เกิดจากการเปลี่ยนค่าใน Tuple โดยตรง) (‘Intel’, ‘Lenovo’, ‘Acer’, ‘Dell’,…

Python ตอนที่ 88 การเข้าถึงข้อมูลใน Tuple

การเข้าถึงข้อมูลใน Tuple

การเข้าถึงข้อมูลหรือสมาชิกใน Tuple สามารถทำได้โดยการอ้างอิงหมายเลขอินเด็กซ์ โดยระบุไว้ภายในเครื่องหมายวงเล็บสี่เหลี่ยม square brackets (อินเด็กซ์เริ่มที่ 0) โดยมีรูปบแบบดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ Dell ระบุอินเด็กซ์ติดลบ เราสามารถอ้างอิงถึงข้อมูลใน Tuple โดยการระบุอินเด็กซ์เป็นตัวเลขติดลบได้ ซึ่งจะเป็นการเข้าถึงข้อมูลโดยเริ่มจากลำดับสุดท้าย เช่น ถ้าระบุอินเด็กซ์เป็น -1 ก็จะเป็นการอ้างถึงข้อมูลลำดับที่ 1 เรียงจากลำดับสุดท้าย ก็คือข้อมูลลำดับสุดท้ายนั่นเอง ผลลัพธ์ Acer การเข้าถึงข้อมูลเป็นช่วง เราสามารถเข้าถึงข้อมูลใน Tuple โดยการระบุช่วงข้อมูลได้ คือระบุว่าต้องการข้อมูลลำดับที่เท่าไหร่ถึงลำดับที่เท่าไหร่ โดยค่าที่ได้กลับมาจะเป็น Tuple ใหม่ ที่ประกอบด้วยช่วงข้อมูลตามที่เราระบุ โดยมีรูปแบบดังนี้ ผลลัพธ์ จะได้เป็นทูเพิลใหม่ที่ประกอบด้วยข้อมูลตามที่ระบุ (‘Dell’, ‘HP’,…

Python ตอนที่ 86 เรียงลำดับข้อมูลใน List ด้วยเมธอด sort()

เรียงลำดับข้อมูลใน List ด้วยเมธอด sort()

เมธอด sort() ใช้สำหรับเรียงลำดับข้อมูลในลิสต์ โดยมีรูปแบบการใช้งานดังนี้ โดยค่าเริ่มต้น เมธอด sort() จะเรียงลำดับข้อมูลในลิสต์จากน้อยไปมาก ดังตัวอย่าง ผลลัพธ์ [‘Benz’, ‘Honda’, ‘Suzuki’, ‘Toyota’] ถ้าต้องการเรียงลำดับจากมากไปน้อย ให้ระบุคีย์เวิร์ด reverse=True [‘Toyota’, ‘Suzuki’, ‘Honda’, ‘Benz’] เราสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ในการเรียงลำดับนอกเหนือจากการเรียงลำดับตามปกติได้ โดยการสร้างฟังก์ชันขึ้นมาใช้งาน และเมื่อเรียกใช้เมธอด sort() ให้กำหนดฟังก์ชันดังกล่าวให้กับคีย์เวิร์ด key ตัวอย่าง ผลลัพธ์คือข้อมูลในลิสต์จะถูกเรียงลำดับโดยพิจารณาจากความยาวของค่าแต่ละค่า ค่าที่มีความยาวน้อยกว่าจะถูกเรียงไว้ก่อน [‘Benz’, ‘Honda’, ‘Toyota’, ‘Suzuki’] ถ้าต้องการให้เรียงแบบกลับด้านก็ระบุคีย์เวิร์ด reverse=True เพิ่มเข้าไปอีก ผลลัพธ์ [‘Toyota’, ‘Suzuki’,…

Python ตอนที่ 85 สลับลำดับข้อมูลในลิสต์ด้วยเมธอด reverse()

สลับลำดับข้อมูลในลิสต์ด้วยเมธอด reverse()

เมธอด reverse() ใช้สำหรับสลับลำดับข้อมูลในลิสต์แบบกลับด้าน มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ ข้อมูลในลิสต์จะเรียงลำดับแบบกลับด้าน [‘Benz’, ‘Suzuki’, ‘Honda’, ‘Toyota’]

Python ตอนที่ 84 ลบข้อมูลที่ต้องการออกจากลิสต์ด้วยเมธอด remove()

ลบข้อมูลที่ต้องการออกจากลิสต์ด้วยเมธอด remove()

เมธอด remove() ใช้สำหรับลบข้อมูลออกจากลิสต์ โดยการระบุค่าที่ต้องการลบ มีรูปแบบการใช้งานดังนี้ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ [‘Toyota’, ‘Honda’, ‘Benz’] เมธอด remove() จะลบข้อมูลที่ตรงกับค่าที่ระบุ เฉพาะที่ปรากฏครั้งแรกเท่านั้น ออกจากลิสต์ ถ้ามีข้อมูลที่ตรงกันหลายตัว ข้อมูลที่อยู่หลัง ๆ จะไม่ถูกลบ ผลลัพธ์ คำว่า “Suzuki” จะหายไป 1 ตำแหน่ง (เฉพาะตำแหน่งที่ปรากฏก่อน) และยังคงเหลือข้อมูลคำว่า “Suzuki” ในลิสต์อีก 1 ตำแหน่ง [‘Toyota’, ‘Honda’, ‘Benz’, ‘Suzuki’]