การตั้งชื่อตัวแปรในภาษา Python จะตั้งชื่อสั้น ๆ ด้วยตัวอักษรตัวเดียว เช่น a, b, c
ก็ได้ หรือจะตั้งเป็นชื่อยาว ๆ ที่สื่อความหมาย มีหลายตัวอักษร เช่น car, human
ก็ได้เช่นกัน แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎดังต่อไปนี้
- ชื่อตัวแปรต้องขึ้นต้นด้วยตัวอักษร เช่น
age, row_number
หรือขึ้นต้นด้วยเครื่องหมาย Underscore_
เช่น_str, _num
- ห้ามตั้งชื่อตัวแปรโดยขึ้นต้นด้วยตัวเลข
- ชื่อตัวแปรจะมีตัวเลขปนอยู่ด้วยก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ตำแหน่งแรก นอกจากตำแหน่งแรก สามารถวางตัวเลขไว้ตรงไหนของตัวแปรก็ได้ แต่ต้องเขียนติดกัน เช่น
num1, num_2, mail2go
- ชื่อตัวแปร เป็น case-sensitive คือตัวอักษรพิมพ์เล็กกับพิมพ์ใหญ่ ถือว่าเป็นคนละตัวกัน เช่น age ถือว่าเป็นคนละตัวกับ AGE หรือ Age
ตัวอย่างการตั้งชื่อตัวแปรที่ถูกต้องในภาษา Python
mycar = "Toyota"
your_car = "Honda"
_str = "String"
num1 = "100"
num2 = 800
num2call = "020000000"
การตั้งชื่อตัวแปรโดยใช้คำหลายคำประกอบกัน
เราสามารถตั้งชื่อตัวแปรเป็นคำหลาย ๆ คำประกอบกัน เพื่อให้สื่อความหมาย เช่น mynameis แต่อาจจะอ่านยากหน่อย เพราะเดายากว่ามันมีคำไหนประกอบกันบ้าง
แต่ก็มีเทคนิคหลายเทคนิคที่นิยมใช้ในการตั้งชื่อตัวแปรเพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน เช่น การตั้งชื่อตัวแปรแบบ Camel Case, Pascal Case และ Snake Case
Camel Case
การตั้งชื่อตัวแปรแบบ Camel Case มีรูปแบบคือ แต่ละคำในชื่อตัวแปร ยกเว้นคำแรก นะขึ้นต้นด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ เช่น myNameAndSirname, myPhone
myNameIs = "Groot"
myPhone = "iPhone"
myPhoneNumber = "0999999999"
Pascal Case
รูปแบบของการตั้งชื่อตัวแปรแบบ Pascal Case คือ ทุกคำในชื่อตัวแปรจะขึ้นต้นด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ เช่น MyNameAndSirname, MyPhone
MyNameIs = "Groot"
MyPhone = "iPhone"
MyPhoneNumber = "0999999999"
YourCar = "Honda"
Snake Case
การตั้งชื่อตัวแปรแบบ Snake Case มีรูปแบบคือ คั่นแต่ละคำด้วยเครื่องหมาย Underscore ( _ ) เช่น my_phone, your_phone
my_name_is = "Groot"
my_phone = "iPhone"
my_phone_number = "0999999999"
your_car = "Honda"