
เขียนโปรแกรมภาษา Python ตอนที่ 73 การเรียงข้อมูลใน List
ข้อมูลประเภท List มีเมธอด sort() ซึ่งใช้เรียงข้อมูลตามตัวอักษรและตัวเลขจากน้อยไปหามากเป็นค่าเริ่มต้น
phone = ["iPhone", "Vivo", "Asus", "Wiko", "Nokia", "Samsung", "Oppo", "Sony"] phone.sort() print(phone)
[‘Asus’, ‘Nokia’, ‘Oppo’, ‘Samsung’, ‘Sony’, ‘Vivo’, ‘Wiko’, ‘iPhone’]
number = [10, 50, 20, 15, 2, 6] number.sort() print(number)
[2, 6, 10, 15, 20, 50]
ถ้าต้องการเรียงข้อมูลจากมากไปน้อย ก็สามารถทำได้โดยการใช้คีย์เวิร์ด reverse = True
โดยมีรูปแบบดังนี้
list.sort(reverse = True)
phone = ["Apple", "Vivo", "Asus", "Wiko", "Nokia", "Samsung", "Oppo", "Sony"] phone.sort(reverse=True) print(phone)
[‘Wiko’, ‘Vivo’, ‘Sony’, ‘Samsung’, ‘Oppo’, ‘Nokia’, ‘Asus’, ‘Apple’]
number = [10, 50, 20, 15, 2, 6] number.sort(reverse=True) print(number)
[50, 20, 15, 10, 6, 2]
Case Insensitive Sort
โดยปกติเมธอด sort()
จะทำงานแบบ case sensitive คือพิจารณาตัวอักษรพิมพ์เล็กพิมพ์ใหญ่ด้วย โดยเวลาเรียงข้อมูล จะเรียงตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ก่อน ตามด้วยตัวอักษรพิมพ์เล็ก ดังตัวอย่าง
phone = ["iPhone", "Vivo", "Asus", "Wiko", "Nokia", "Samsung", "Oppo", "Sony"] phone.sort() print(phone)
ผลลัพธ์
[‘Asus’, ‘Nokia’, ‘Oppo’, ‘Samsung’, ‘Sony’, ‘Vivo’, ‘Wiko’, ‘iPhone’]
จะเห็นว่า คำว่า “iPhone” ถูกเรียงไว้หลังสุด เพราะขึ้นต้นด้วยตัวอักษรพิมพ์เล็ก ในขณะที่คำอื่นขึ้นต้นด้วยตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด
จากตัวอย่าง อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ เพราะความจริง “iPhone” น่าจะอยู่ลำดับที่ 2 ต่อจาก “Asus” เพราะตัวอักษร “i” มาก่อนตัวอักษร “N”
ถ้าต้องการเรียงข้อมูลในลิสต์แบบ case-insensitive ต้องทำอย่างไร?
ถ้าต้องการเรียงข้อมูลในลิสต์โดยไม่ต้องให้ความสำคัญกับตัวอักษรพิมพ์เล็กหรือพิมพ์ใหญ่ ก็สามารถทำได้ โดยใช้ built-in function str.lower
เป็น key function ในเมธอด sort()
โดยมีรูปแบบดังนี้
list.sort(key = str.lower)
phone = ["Apple", "Vivo", "Asus", "iPhone", "Wiko", "Nokia", "Samsung", "Oppo", "Sony"] phone.sort(key = str.lower) print(phone)
- บรรทัดที่ 2 กำหนดคีย์ฟังก์ชัน
key = str.lower
ให้กับเมธอดsort()
เพื่อให้ทำการแปลงตัวอักษร์เป็นตัวพิมพ์เล็กก่อนค่อยจัดเรียง ก็เท่ากับว่าข้อมูลที่เอามาเรียนเป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมด ทำให้การเรียงไม่ผิดพลาดนั่นเอง
ผลลัพธ์
[‘Apple’, ‘Asus’, ‘iPhone’, ‘Nokia’, ‘Oppo’, ‘Samsung’, ‘Sony’, ‘Vivo’, ‘Wiko’]
การเรียงข้อมูลด้วยฟังก์ชันที่กำหนดเอง
เราสามารถสร้างฟังก์ชันขึ้นมาเพื่อกำหนดแนวทางในการเรียงข้อมูลในลิสต์ แล้วกำหนดฟังก์ชันนั้นเป็นอากิวเมนต์ของเมธอด sort()
ในรูปแบบ key = function
เพื่อให้ได้การเรียงข้อมูลตามที่เราต้องการ ดังตัวอย่าง
def myFunction(num): return abs(num - 10) mylist = [75, 25, 67, -89, 34] mylist.sort(key = myFunction) print(mylist)
- บรรทัดที่ 1-2 สร้างฟังก์ชันขึ้นมา 1 ฟังก์ชัน คืนค่ากลับออกไปเป็นตัวเลขที่ได้จากการนำเอาตัวเลขที่ส่งเข้ามา ไปลบด้วย 10 แล้วทำให้เป็นจำนวนเต็มบวก
- บรรทัดที่ 5 เรียกใช้เมธอด
sort()
เพื่อเรียงข้อมูลในลิสต์ โดยกำหนดอากิวเมนต์เป็นฟังก์ชันที่สร้างไว้key = myFunction
ผลลัพธ์ที่ได้จะเกิดจากการนำเอาตัวเลขในลิสต์ไปลบ 10 แล้วทำเป็นตัวเลขจำนวนเต็มบวก แล้วจึงนำมาเรียงจากน้อยไปหามาก
[25, 34, 67, 75, -89]
Reverse Order
ถ้าต้องการกลับลำดับข้อมูลในลิสต์โดยมีคำนึงถึงตัวอักษร ให้ใช้เมธอด reverse()
ดังนี้
phone = ["Apple", "Vivo", "Asus", "iPhone", "Wiko", "Nokia", "Samsung", "Oppo", "Sony"] phone.reverse() print(phone)
- บรรทัดที่ 2 ใช้เมธอ reverse() กลับลำดับข้อมูลในลิสต์ โดยจะไม่มีการพิจารณาตัวอักษร เพียงกลับลำดับเท่านั้น
ผลลัพธ์
[‘Sony’, ‘Oppo’, ‘Samsung’, ‘Nokia’, ‘Wiko’, ‘iPhone’, ‘Asus’, ‘Vivo’, ‘Apple’]