
วิธียืนยันช่อง YouTube เพื่อให้อัปโหลดวิดีโอได้ยาวกว่า 15 นาที และตั้งค่าภาพปกวิดีโอได้
โดยปกติ เมื่อเราสร้างช่อง YouTube ขึ้นมาแล้ว เราก็สามารถอัปโหลดวิดีโอได้ตามปกติ แต่ก็จะมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น อัปโหลดวิดีโอที่มีความยาวเกิน 15 นาทีไม่ได้ กำหนดภาพปกวิดีโอเองไม่ได้ เป็นต้น
ถ้าเราต้องการอัปโหลดวิดีโอที่มีความยาวเกิน 15 นาที กำหนดภาพปกวิดีโอเอง หรือใช้งายฟีเจอร์ขั้นสูงอื่น ๆ ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการยืนยันช่องเสียก่อน โดยมีขั้นตอนดังนี้
ที่หน้าจอช่อง YouTube ของเรา ให้คลิกที่เมนู Settings ที่แถบเมนูทางด้านซ้าย

ที่แท็บ Account ในส่วน Your channel ให้คลิกที่ Channel status and features จะเปิดหน้าจอ Settings ขึ้นมา ให้ทำดังนี้

- คลิกที่แท็บ Channel ทางด้านซ้ายมือ
- คลิกที่แท็บ Feature eligibility
- คลิกสัญลักษณ์ลูกศรชี้ลง
ที่ด้านท้ายในส่วนของ Features that require phone verification
จะมีส่วนขยายออกมาแสดงให้เห็นว่าการยืนยืนเบอร์โทรศัพท์จะทำให้เราสามารถใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงได้ เช่น อัปโหลดวิดีโอที่มีความยาวเกิน 15 นาทีได้ เป็นต้น
ให้คลิกที่ปุ่ม VERIFY PHONE NUMBER
จะเข้าสู่หน้าจอสำหรับยืนยันเบอร์โทรศัพท์
ให้ทำดังนี้
- Select your country ให้เลือกว่าเราอยู่ประเทศไหน ในตัวอย่างเลือเป็น Thailand
- How should we deliver the verification code to you? ให้เลือกว่าจะให้ YouTube ส่งรหัสยืนยันมาให้เราทางไหน ในตัวอย่างเลือกเป็น Text me the verification code คือให้ส่งข้อความมาที่เบอร์มือถือ (ส่วนตัวเลือกแรกคือให้โทรมาหาเราด้วยระบบข้อความเสียงอัตโนมัติ)
- Which language should we use to send you the verification code? ให้เลือกภาษาในการส่งรหัสยืนยัน ในตัวอย่างเป็นภาษาอังกฤษ (ถ้าต้องการเปลี่ยนภาษาให้คลิกเลือกที่ตัวเลือก Language ด้านล่าง)
- What is your phone number? ให้กรอกเบอร์โทรศัพท์มือถือของเราลงไป (ให้กรอกเบอร์ตามจริงที่ใช้อยู่จริงและสะดวกที่จะเปิดดูได้ทันทีในตอนนั้น)
- คลิกปุ่ม Submit
จะเข้าสู่หน้าจอให้กรอกรหัสยืนยัน (พร้อมกันนี้ระบบจะส่งรหัสยืนยันไปที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่เราระบุ)
ให้กรอกรหัสยืนยันที่ได้รับทางโทรศัพท์มือถือ แล้วคลิกปุ่ม Submit
หากการยืนยันเบอร์โทรศัพท์สำเร็จ จะเข้าสู่หน้าจอแสดงข้อความ Congratulations! Your YouTube account is now verified.

เมื่อมาถึงหน้าจอนี้ แสดงว่าการยืนยันช่องสำเร็จสมบูรณ์แล้ว หลังจากนี้เราก็สามารถใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงของ YouTube ได้แล้ว